เครดิตภาพ https://producerhive.com/
ปัจจุบันการอัดเสียงไม่จำเป็นต้องไปเข้าสตูดิโอใหญ่ ๆ กันแล้ว เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานเพลงได้ที่บ้านหรือห้องนอน ก็คือการดัดแปลงบ้าน หอพัก หรือจะเป็นห้องนอนมาทำให้เป็นห้องอัดเสียง สำหรับมือใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักแต่งเพลง และนักดนตรี ต้องการให้งานมีคุณภาพนำไปปล่อยใน Youtube, Spotify, Itunes ดังนั้นเราก็ต้องมารู้กันก่อนเลย ว่าควรจะมีอุปกรณ์อะไรบ้าง
Computer (คอมพิวเตอร์)
เครื่องคอมพิวเตอร์ สำคัญมากในการบันทึกเสียง สร้างเสียงต่าง ๆ หรือบันทึกจัดเก็บไฟล์ที่เราแต่งขึ้นมา และคอมพิวเตอร์จะมีหลายแบบให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่ง Apple ที่มีระบปฏิบัติการเป็น MacOS และในทางฝั่ง Microsoft ระบปฏิบัติการเป็น Windows หน้าตาของเครื่องคอมพิวเตอร์ก็มีให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นแบบเครื่องโน้ตบุ้ค หรือแบบตั้งโต๊ะ (PC) และสิ่งต่อไปที่ต้องมี คือ โปรแกรม Digital Audio Workstation (DAW)
Digital Audio Workstation (DAW)
DAW คือโปรแกรมที่ใช้สำหรับบันทึก ปรับแต่งเสียง จะมี Tracks ต่าง ๆ เป็นแถวแนวนอน มี Audio Regions หรือ MIDI Regions ของเครื่องดนตรีต่าง ๆ มี Audio Editor และ Piano Rolls สำหรับปรับแต่ง มีส่วนของ Mixer สำหรับปรับความดัง-เบาและใส่ plug-ins ให้กับแทร็คต่าง ๆ และ DAW ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีอะไรบ้างลองมารู้จักกัน
Apple’s Logic Pro X (Mac)
Steinberg’s Cubase (Mac/Windows)
Avid’s Pro Tools (Mac/Windows)
Ableton Live 10 (Mac/Windows)
Audio Interface (ซาวน์การ์ด)
Audio Interface หรือ ซาวน์การ์ด คือ ตัวกลางการแปลงสัญญาณระหว่าง Digital กับ Analog อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ถ้ามีการอัดเสียงเช่น เสียงร้อง ก็ต้องใช้ไมค์โครโฟนที่แปลงเสียงของคุณให้เป็นสัญญาณ Analog สัญญาณก็จะเดินทางผ่านสายเข้าไปใน Audio Interface ถูกแปลงเป็นดิจิตอล บันทึกเก็บเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ สิ่งที่อธิบายมานี้เรียกว่า Analog-to-Digital Conversion และถ้าต้องการ playback เสียงข้อมูลดิจิตอลที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ ก็จะถูกส่งเข้าไปหา Audio Interface เพื่อแปลงเป็น Analog แล้วส่งต่อไปที่ลำโพงหรือหูฟัง ให้มีเสียงเพลงที่เราสร้างสรรค์ออกมา อันนี้คือ Digital-to-Analog Conversion
Audio Interface หรือ ซาวการ์ด ในปัจจุบันมีให้เลือกเยอะมากมายหลายค่าย ซึ่งอยู่ที่งบประมานที่เรามี input มีตั้งแต่ 2 input ไปจนถึง 8 input และสิ่งต่อไปที่ขาดไม่ได้ ก็คือ ไมโครโฟน มีกี่แบบให้เราเลือกใช้
Microphone (ไมโครโฟน)
ไมโครโฟนเป็นเครื่องมือที่สำคัญ เพราะไมค์โครโฟนเป็นอุปกรณ์ในการแปลงเสียงที่เราได้ยินซึ่งจะเป็น Analog เมื่อเข้าสู่คอมพิวเตอร์จะเป็น Digital ทั้งหมด ไมค์โครโฟนจึงจำเป็นต้องมีความละเอียด และคุณภาพพอสมควร โดยเลือกได้ทั้ง 2 ชนิดไมค์ ขึ้นอยุ่กับงานของเรา และคุณภาพของงานที่ต้องการ
คอนเดนเซอร์ไมโครโฟน (Condenser Microphone)
ไมค์โครโฟนชนิดคอนเดนเซอร์ ต้องใช้ไฟ DC ไปเลี้ยงวงจจร 48 โวลล์ ทำให้มีความรับเสียงที่ไวมาก เหมาะกับการอัดเสียงร้อง อะคูสติกกีต้าร์ ไวโอลิน
ไดนามิคไมค์โครโฟน (Dynamic Microphone)
ไมค์โครโฟนชนิดไดนามิค เหมาะกับการอัดเสียงร้อง เสียงพูด และกลองหรือเครื่องกระทบต่าง ๆ
Midi Keyboard Controller ( คีย์บอร์ดใบ้ )
Midi Keyboard Controller คือตัวป้อนสัญญาณ MIDI เข้าไปในคอมพิวเตอร์ สำหรับอัดในแบบ MIDI และสามารถมาแก้ไขหรือจำลองเป็นทั้งเสียงเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ ได้ตามต้องการ MIDI Keyboard เอาไว้สำหรับเล่นกับ Sample Library โดยการโหลดเครื่องดนตรีขึ้นมาใน DAW แล้วก็กดปุ่มอัดเสียง แล้วเล่น MIDI Keyboard เพื่อใช้บันทึกลงไป
Speaker Monitor & Headphone Monitor (ลำโพงมอนิเตอร์และหูฟังมอนิเตอร์)
ลำโพงมอนิเตอร์และหูฟังมอนิเตอร์ มีความสำคัญมากที่ใช้ในการฟังเสียงระหว่างบัณทึกและใช้ในการ Mix และ Editor อยากให้งานออกมาค่อนข้างดีควรหาลำโพงที่เป็นมอนิเตอร์มาใช้ เพราะลำโพงมอนิเตอร์ที่ดีจะเป็นลำโพงที่ย่านความที่ทุกย่านไม่ถูกการปรุงแต่งหรือ Flat และหูฟังมอนิเตอร์ จำเป็นอย่างมากสำหรับนักดนตรีและนักร้องที่กำลังอัดเสียง และบางครั้งเมื่อเราทำการ MIX หรือ EDITOR ก็ต้องใช้ครับ เพื่อฟังรายละเอียดบางอย่าง หรือในกรณีที่ทำงานยามวิการที่ไม่สามารถเปิดเสียงดัง ๆ จากลำโพงมอนิเตอร์ได้ ควรเลือกหูฟังมอนิเตอร์
ทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จะช่วยทำให้ห้องนอนเป็นห้องบันทึกเสียงได้ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่นำเสนอในบทความนี้จะช่วยให้งานบันทึกเสียงออกมาอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับงบประมาณในการซื้ออุปกรณ์แต่ละชนิด และความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง
โดย ภูวดล แสงภู